เรื่องเล่าขำขำจากพนักงานโรงแรมที่อยากจะร้องว่า “ล้อกันเล่นใช่ไหม…”

612

เตรียมตัวจัดกระเป๋าแล้วออกเดินทางไปท่องเที่ยวกันในสนุกสนาน กับสายฝนและแสงแดดที่กำลังรอเราอยู่หากเพื่อนเพื่อนไม่ชอบเขา ก็มามาชอบเราก็ได้นะฮาฮ่าๆ  ใส่มุกเล็กน้อยสักหน่อยเพราะนานแล้วที่พวกเราชาวสัพเพเหระไม่ได้ออกไปเที่ยวอย่างเต็มที่เนื่องจากหลายหลายเรื่องที่เกิดขึ้นในบ้านของเรานั้นเอง แต่ตอนนี้ในวันที่ทุกอย่างกำลังจะดีขึ้นและหลายคนก็เริ่มวางแผนที่จะออกเดินทางเพื่อไปเยี่ยมเยียนผู้เขาและท้องทะเลกันแล้ว อย่ากระนั้นเลยพวกเราชาวสัพเพเหระก็เลยอยากจะเอาเรื่องราวความฮาของเพื่อนเพื่อนที่ทำงานในสถานที่ท่องเที่ยวหรือโรงแรมต่างๆ ที่ได้เจอกับเรื่องราวขำขำจากสิ่งที่ผู้มาท่องเที่ยวพักผ่อนได้ทำไว้กับพวกเค้าเหล่านั้น เพื่อว่าบางอย่างที่เราอาจจะเห็นว่าไม่ควรทำพวกเราก็จะได้ไม่ไปเพลอทำสิ่งเหล่านั้นเองยังไงละ

รายละเอียดห้องพักที่นักท่องเที่ยวมักไม่ได้อ่าน
สำหรับความสะดวกสบายต่าง ๆ ที่ทำให้ตอนนี้พวกเราสามารถชมภาพตัวอย่างห้องพักและตรวจสอบราคาของการเข้าพักในแต่ละวันได้ด้วยตัวเองทำให้เหล่านักท่องเที่ยวทั้งหลายลงมือหาห้องที่ราคาถูกที่สุด ซึ่งนั้นก็เป็นสิ่งที่ดีทั้งกับตัวนักท่องเที่ยวและเจ้าของโรงแรม แต่สิ่งหนึ่งที่เราอยากจะบอกเพื่อนเพื่อนว่าคุณควรอ่านรายละเอียดทั้งหมดให้ครบและตรวจสอบสิ่งที่ต้องการให้ครบถ้วนก่อนจองอีกครั้ง เพราะเนื่องจาการทำราคาให้ถูกนั้นย่อมต้องมีเงื่อนไขของการเข้าพักเช่น ไม่มีอาหารเช้า หรือ เป็นห้องขนาดเล็ก หรืออาจจะไม่เห็นวิวทิวทัศน์เป็นต้น เพราะเมื่อไปถึงที่พักแล้วคุณอาจจะกลายเป็นคนที่ต้องการเปลี่ยนหรือเพิ่มสิ่งเหล่านี้และในที่สุดมันก็อาจจะได้ห้องพักที่ราคาสูงกว่าที่คุณคาดไว้ก็ได้

นอนในโรงแรม
ฟังดูก็น่าจะถูกต้องเพราะเวลาที่เราไปท่องเที่ยวก็ต้องจองและพักในโรงแรมที่จองไว้นะสิ แต่สิ่งที่เรากำลังจะเล่าให้เพื่อนเพื่อนฟังมันคือเรื่องของ นักท่องเที่ยวที่ไม่ได้สนใจเรื่องเวลาของการเดินทางกับตารางเวลาที่ทางโรงแรมอนุญาตให้เข้าพักได้ต่าง ๆ หากซึ่งปกติเวลาที่เราไปพักโรงแรมแต่ละแห่งก็จะบอกเราว่าสามารถเข้าพักได้ตั้งแต่เวลา 14.00 ของวันที่จองและสามารถอยู่ต่อได้ถึง 12.00 ของวันรุ่งขึ้น แต่บางนักท่องเที่ยวที่เดินทางด้วยเรือ หรือ เครื่องบิน มักจะมาถึงก่อนหรืออาจจะต้องอยู่ที่โรงแรมต่อเพื่อรอรอบการเดินทาง และสิ่งที่เราเจอก็คือเช้าตรู่วันหนึ่งมีนักท่องเที่ยวมาขอเช็คอินตั้งแต่ 9 โมงเช้าซึ่งมันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ที่เราจะปล่อยให้เข้าพักได้ และหลังจากคุยกันอยู่นานสิ่งที่พวกเค้าทำก็คือเค้าเข็นกระเป๋าเดินทางไปวางไว้ที่โซฟา แล้วเริ่มนอนบนนั้นเพื่อรอให้ถึงเวลาเข้าพัก “ให้มันได้แบบนี้สิ”

ออกให้ด้วย
สำหรับบริการต่างๆ ในโรงแรมอย่างเช่นร้านอาหารหรือเคร่ืองดื่มรวมไปถึงบริการรถรับส่ง(ฟรีตามเวลาและสถานที่ที่กำหนด) เพื่อความสะดวกของนักท่องเที่ยวนั้นทางโรงแรมก็จะมีบริการจัดเก็บบิลหลังจากออกจากห้องพักให้ แต่ใครจะคิดว่าจะมีนักท่องเที่ยวที่เรียกแท็กซี่จากการออกไปเที่ยวชมเมืองแล้วเมื่อกลับมาถึงก็เรียกพนักงานให้ไปจ่ายเงินสดให้ พร้อมกับพยายามบอกว่ามันควรจะเป็นบริการของโรงแรมเพื่อเพิ่มความสะดวกให้ผู้เข้าพักสำหรับการเดินกลับ

จะเอาไปทำไม
สำหรับการเข้าพักในโรงแรมโดยทั่วไปแล้วนั้นสิ่งของบางอย่างที่อยู่ในห้อง ทางโรงแรมก็อนุญาตให้ผู้เข้าพักสามารถนำกลับไปได้เลยและบางส่วนที่ไม่ให้ก็จะมีราคาของสิ่งเหล่านั้นอยู่ซึ่งนั้นก็เป็นข้อตกลงที่เราคิดว่าเป็นสากล แต่กลายเป็นว่าครั้งหนึี่งเราพบกับลูกค้าที่พยายามจะเอาผ้าห่มกลับบ้านไปด้วยโดยอ้างว่ามันไม่ได้มีอยู่ในรายการที่จะต้องชำระเงิน (เราก็ไม่คิดเหมือนกันว่าจะมีคนอยากเอาผ้าห่มกลับไปด้วยเพราะมันทั้งใหญ่และก็ไม่ได้ใหม่มากด้วย) ถ้าเรารถสิบล้อมาคงต้องแอบเอาเตียงกลับไปแน่ๆเพราะไม่ได้อยู่ในรายการเหมือนกัน

กระเป๋าใบใหม่สำหรับสิ่งจำเป็น
ครั้งหนึ่งพวกเรามีแขกพิเศษที่จองห้องพักต่อเนื่องยาวนานถึง 40 วันซึ่งในตอนแรกที่มาถึงพวกเค้ามีกระเป๋าเดินทางมาด้วย 2 ใบซึ่งก็ดูปกติเพราะเป็นการพักที่นานพอสมควร แต่ในช่วยสัปดาห์สุดท้ายก่อนที่พวกเค้าจะกลับเค้าก็ต้องการกระเป๋าเดินทางเพิ่มอีก 1 ใบซึ่งหลังจากที่สอบถามความต้องการก็พบว่าเค้าต้องการกระเป๋าที่มีพื้นที่พอสำหรับใส่ขวดสบู่และแชมพูรวมถึงแปรงสีฟันที่เป็นสิ่งของที่เรามอบให้เมื่อนักท่องเที่ยวเข้าพัก 1 ชุดต่อ 1 วัน ซึ่งนั้นหมายความว่าพวกเรามีมันมากถึง 40 ชุดเลยทีเดียว (แต่ราคากระเป๋ามันก็น่าจะสูงกว่าราคาของทั้งหมดที่แถมนะเราว่า)

เราจัดการได้
ตามปกติของทางโรงแรมที่จะต้องระบุจำนวนของผู้เข้าพักซึ่งนั้นก็ขึ้นอยู่กับขนาดของห้องพักด้วย และนั้นก็เป็นสิ่งที่ผู้เข้าพักส่วนใหญ่เข้าใจตรงกันว่าหากคุณต้องการพักเกินจำนวนก็ต้องมีราคาที่จะต้องจ่าย แต่กลายเป็นว่าครั้งหนึ่งเราพบกลุ่มนักเดินทางที่มาด้วยกัน 5 คนและพยายามจะขอต่อรองเพื่อเข้าพักในห้องพักขนาดสองคนโดยไม่ยอมที่จะจ่ายเพิ่ม ซึ่งเหตุผลที่พวกเค้าพยายามอธิบายนั้นก็คือ “พวกเรานอนเบียดกันได้ไม่ต้องกังวล” มันใช่ไหมละเนี้ย

มากางเต็นท์
เดือนที่แล้วพวกเราต้องประหลาดใจกับการจองห้องพักของคู่รักคู่หนึ่ง พวกเค้าดูแต่งตัวธรรมดาและมีสัมภาระเป็นกระเป๋าสะพานสำหรับเดินป่า แต่กลายเป็นว่าพวกเค้าขอเช่าห้องพักแบบที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เรามีซึ่งพวกเราก็ไม่ติดอะไรที่จะให้บริการในการเข้าพักครั้งนั้น แต่พวกเรากลับพบว่าเริ่มมีนักท่องเที่ยวเข้าออกห้องพักห้องนั้นหลายคนซึ่งพวกเราเองก็ไม่ได้ติดใจอะไรเพราอันที่จริงแล้วมันสามารถเข้าพักได้มากถึง 5 คน แต่ที่ทำให้เราต้องอึ้งไปเลยก็เพราะเช้าวันรุ่งขึ้นในขณะที่พนักงานทำความสะอาดจะเข้าไปดูแลความเรียบร้อยกลับพบว่ามีคนนอนอยู่ตามพื้นห้องด้วยถุงนอนนับรวมได้เกือบ 20 คน (ห้องหรูกลายเป็นลานกางเต็นท์ไปซะแล้ว)

เก็บทุกเม็ดจริงๆ
หลายครั้งที่เราต้องพบกับนักท่องเที่ยวที่มาพักที่พยายามนำทุกอย่างที่สามารถนำกลับไปได้จากการเข้าพักกลับไปด้วย ซึ่งเราก็คิดว่ามันเป็นสิ่งที่เค้าควรจะได้แต่สิ่งหนึ่งที่เราไม่เข้าใจเลยคือ จะมีบางคนที่เข้าพักและขอถ่านไฟฉายสำหรับรีโมทโทรทัศน์ซึ่งก็เป็นไปได้ว่ามันอาจจะหมด แต่สิ่งที่เราพบคือส่วนใหญ่เค้าก็จะนำมันกลับไปด้วยและปล่อยให้รีโมทนั้นว่างเปล่าไม่มีถ่านเลยสักก้อน

สบายเหมือนอยู่บ้าน
สำหรับพนักงานโรงแรมอย่างเราแล้วการได้รับคำชมว่าการเข้าพักของนักท่องเที่ยวครั้งนี้สร้างความประทับใจและความรู้สึกเหมือนพวกเค้าอยู่ที่บ้านเลยช่างเป็นคำชมที่ทำให้รู้สึกดีมากมาก แต่ก็มีนักท่องเที่ยวบางคนที่คิดว่าห้องพักเป็นบ้านของพวกเค้าจริง ๆ เพราะเค้าจะย้ายเตียงและเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ ไปตามจุดซึ่งพวกเค้าต้องการ (ทั้งที่มันก็หนักนะ) แต่ก็ยังย้ายไหวและเราก็ต้องเหนื่อยย้ายกลับอีก

ไม่ต้องห่วง
ผู้เข้าพักคนหนึ่งโทรมาสอบถามถึงราวตากผ้าหรือราวแขวนผ้าซึ่งในห้องพักนั้นมีอยู่ 2 จุดในห้องน้ำ แต่พวกเค้าบอกว่าไม่พอซึ่งเราพยายามเสนอว่าต้องการเป็นที่แขวนแบบตั้งพื้นไหม แต่พวกเค้าก็ปฏิเสธก่อนที่ข้างห้องจะโทรศัพท์ว่ามีเสียงดังจากกำแพงและเมื่อเราไปถึงก็พบว่าเค้ากำลังตอกกำแพงเพื่อขึงเชือกสำหรับตากผ้าในห้อง “หัวหน้าช่างมาเองเลยเหรอเนี้ย”

เทคนิคของชาวหอ
บ่อยครั้งที่เราพบว่านักท่องเที่ยวพยายามจะประหยัดค่าใช้จ่ายด้วยการพกอาหารแห้ง หรือขนมมาทานในระหว่างเข้าพักซึ่งมันก็เป็นเรื่องปกติ แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกันเมื่อหนุ่มสาวห้องหนึ่งเริ่มขอจานชามสำหรับทานอาหารและหลังจากที่พนักนำไปส่งให้ที่ห้องก็พบกว่าพวกเค้าเอากระติกน้ำร้อนมาทำเป็นหม้อต้มอาหารซะแล้ว (นี้มันสกิลจากการอยู่หอชัดๆ ทุกอย่างคือเครื่องครัว)

สุดยอดแม่ครัว
มีผู้เข้าพักคนนึงเดินมาที่แผนกต้อนรับอย่างกระฟัดกระเฟียดและบอกว่ากาต้มน้ำในห้องเธอเสีย เราเลยบอกไว้ว่าเดี๋ยวจะเปลี่ยนอันใหม่ให้ค่ะและขอให้เธอนำกาอันที่พังมาส่งที่หน้าห้องด้วย แต่พอเธอเอามาให้พวกเราก็ต้องอึ้งเพราะเราเห็นว่ามีกุ้งลอยอยู่ในนั้นและมีเสียอาการติดอยู่ที่กาด้านล่าง ซึ่งสาเหตุที่ทำให้มันใช้งานไม่ได้ก็คือพวกเศษอาหารที่ไหม้ติดค้างอยู่นั้นเอง และทันทีที่เราบอกว่าไม่สามารถใช้กาต้มน้ำประกอบอาหารได้ กลายเป็นว่าเธอคนนั้นกลับตอบมาว่า “แล้วทำไมไม่เตรียมกะทะไฟฟ้าไว้ให้บ้างละ” (สุดท้ายเธอก็ต้องจ่ายค่ากาต้มน้ำที่เสียไป)

สัญญาณเตือน
หลายวันก่อนตอนที่เราเข้ากะทำงานรอบดึก จู่ๆสัญญาณเตือนก็ดังขึ้นจากห้องพักห้องหนึ่งซึ่งพวกเราและพนักงานรักษาความปลอดภัยก็รีบไปที่ห้องนั้นทันที่ และเมื่อเปิดประตูห้องเข้าไปก็พบว่าพวกเค้ากำลังล้อมวงอยู่หน้าเตาไฟฟ้าเพื่อทานอะไรสักอย่างอยู่ และที่สัญญาณดังขึ้นเพราะพวกเค้าประกอบอาหารกันในห้องนั้นเอง “ไม่ไปที่ระเบียงสักหน่อยละท่าน”

อย่างที่เราบอกไปแล้วว่าบางคนก็มีความคิดที่ไม่เหมือนใครและนี้แหละที่ทำให้เพื่อนพนักงานของเราถึงกับต้องกุมขมับกันเลย และเราก็ขอให้เพื่อนเพื่อนโชคดีที่ไม่ต้องเจอกับเรื่องราวเหล่านี้ด้วยนะ เรียบเรียงโดย สัพเพเหระ