6 เทคนิคสอนลูกให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่เข้มแข็ง

413

หลากหลายครอบครัวที่กำลังเพิ่งเริ่มสร้างครอบครัวอาจจะมีแนวคิดและความพร้อมไม่เหมือนกันบางครอบครัวก็อาจจะอยากได้บ้านที่อบอุ่นและสวยงามบางคนก็อาจจะอยากได้สวนสวยๆเพื่อไว้พักนั่งชมธรรมชาติในยามว่าง และอีกหลายคนก็อยากที่จะมีเจ้าตัวเล็กวิ่งเล่นไปมาให้ความสุขกับครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนก็แล้วแต่พวกเราก็สนับสนุนให้เพื่อนเพื่อนทำได้ตามที่คิดและฝันไว้นั้นเอง และวันนี้พวกเราก็มีเรื่องราวดีดีมาฝากสำหรับเหล่าเพื่อนเพื่อนที่เป็นคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ที่อาจจะต้องนั่งกุมขมับเพราะความซนและพลังอันเหลือล้นจากเหล่าเด็กน้อยเหล่านั้น

มาลองอ่านกันสักหน่อยสิว่าเรื่องราวดีดีที่พวกเราได้ลองเอามาให้เพื่อนเพื่อนอ่านกันนี้จะสามารถช่วยให้เพื่อนเพื่อนดูแลและทำให้เจ้าตัวเล็กของคุณอยู่ในโอวาทหรือทำตามสิ่งที่คุณอยากให้ทำได้ขนาดไหน

ความภูมิใจในสิ่งที่ทำได้
ลูกของเราอายุได้ 6 ปีแล้วก่อนหน้านี้เรามักจะบอกให้เค้าทำในสิ่งที่ต้องการโดยไม่ได้คิดถึงเค้าเลย ซึ่งบางอย่างเค้าก็ไม่สนใจเลยแต่เราก็ได้ค้นพบสิ่งหนึ่งซึ่งทำให้ทุกอย่างดูง่ายมากขึ้นนั้นก็คือเราพบว่าเด็กๆก็เป็นคนที่มีความภูมิใจในสิ่งที่เค้าสามารถทำได้หรือรู้สึกดีที่ได้รับมอบหมายให้ทำอะไรสักอย่าง อย่างเช่นก่อนหน้านี้ตอนข้ามถนนเรามักจะต้องเรียกเค้าและจูงมือเพื่อข้ามถนนซึ่งลูกของเราก็ไม่ค่อยชอบใจสักเท่าไหร่นัก แต่หลังจากที่เราบอกเค้าว่าเราอยากให้เค้าช่วยพาเราข้ามถนนและเค้าจะต้องช่วยจับมือด้วย ซึ่งหลังจากนั้นเราก็พบว่าลูกของเราจะมีความสุขมากที่ได้พาเราข้ามถนนและจะจับมือเราแน่นๆเสมอ โดยครั้งหนึ่งเค้าบอกว่า”ผมจะดูแลเรื่องนี้ให้แม่เอง” ฟังแล้วก็รู้สึกดีเลย

การแข่งขันทำให้การเรียนรู้สนุกมากขึ้น
หลายครั้งที่เราพยายามสอนให้เค้าทำหลายหลายด้วยตัวคนเดียว อย่างเช่นการไปห้องน้ำตอนกลางคืนหรือการเดินขึ้นลงบันได แต่มันก็ไม่ค่อยได้ผลเพราะเค้ามักจะบอกว่าเค้าทำไม่ได้และไม่ไหว แต่พอเราเปลี่ยนมาเป็นการเล่นเกมส์และการแข่งขันมันก็กลายเป็นเรื่อง่ายขึ้นมากเลย อย่างเรื่องไปห้องน้ำเราก็สร้างเป็นเกมส์ค้นหาของโดยบอกเค้าว่าเราจะเอาของเล่นไปซ่อนในห้องน้ำและผลัดกันไปหาซึ่งใครหาเจอก็จะได้ของเล่นชิ้นนั้นไปเลย เพียงเท่านั้นแหละเด็กน้อยก็เดินไปห้องน้ำได้อย่างสนุกสนานเลย และเกมส์จับเวลาขึ้นบันไดก็ทำให้เราเห็นว่าเค้าสามารถเดินขึ้นลงบันไดเองได้เร็วแค่ไหน

การให้รางวัลและบทลงโทษคือสิ่งจำเป็น
ครอบครัวเรามีเทคนิคเล็กที่ทำให้เหล่าเด็กของเรานั้นรู้ว่าสิ่งไหนควรทำและสิ่งไหนไม่ควรทำแบบง่ายๆนั้นก็คือการให้รางวัล(อาจจะเป็นคำชมหรือขนมอร่อยๆก็ได้) ในตอนที่เราเห็นเค้าทำในสิ่งที่ถูกต้องอย่างเช่นการช่วยเหลืองานบ้านหรือเวลาที่เค้าทำเรื่องดีดี และสำหรับกรณีที่เค้าทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องอย่างเช่นขว้างของเล่นหรือทำสิ่งที่ไม่ควรทำเราก็จะมีกติกาง่ายๆนั้นก็คือจะบอกว่าสิ่งนี้ไม่ควรทำและหากทำอีกครั้งก็จะต้องมีบทลงโทษอย่างการเข้ามุมห้องและเราก็จะสอนเพิ่มและคุยกันว่าทำไมถึงทำเรื่องนั้นเรื่องนี้ไม่ได้ซึ่งเค้าก็เข้าใจ

รู้จักคุณค่าของสิ่งต่าง ๆ
พวกเราสอนลูกของเราให้รู้จักคุณค่าของสิ่งต่าง ๆ เพื่อที่ว่าเค้าจะได้รู้จักเก็บและรู้จักใช้ของต่าง ๆ ที่มีโดยเราเริ่มต้นจากเรื่องใกล้ตัวอย่างการทานอาหาร โดยถึงแม้ว่าเราจะเตรียมอาหารไว้จำนวนหนึ่งซึ่งก็มากพอสมควรแต่พวกเราจะตักตามจำนวนที่เราพอที่จะทานหมดเท่านั้นซึ่งหากไม่อิ่มก็สามารถที่จะกลับมาตักเพิ่มได้ที่หลัง ซึ่งนั้นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้บ้านของเราแทบจะไม่ค่อยมีอาหารเหลือทิ้งเลยนอกจากนั้นเด็กๆยังเอาสิ่งนี้ไปประยุกต์ใช้งานกับเรื่องอื่นๆอีกด้วยอย่างการเลือกข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ พวกเค้าก็เลือกซื้อที่ถูกใจและซื้อมาไว้ใช้งานจริงๆ ทำให้แทบไม่มีของที่ไม่ได้ใช้งานอยู่ในบ้านเลย และนั้นทำให้พวกเราภูมิใจในตัวพวกเค้ามากมากเพราะถึงแม้ว่าเราจะสามารถซื้อทุกอย่างที่เค้าต้องการได้แต่พวกเค้าก็เลือกที่จะมีในสิ่งที่จำเป็นใช้งานจริงๆ

เพื่อคนที่รักเราทำได้ทุกอย่าง
ตอนที่ลูกของเราพอที่จะคุยรู้เรื่องและเข้าใจเรื่องต่าง ๆ เราบอกเค้าไปว่า “แม่มีอาการแพ้คนที่งอแง” ซึ่งดูเหมือนเค้าจะเข้าใจเพราะทุกครั้งที่เจ้าตัวเล็กของเราเริ่มที่จำทำตัวงอแงและไร้เหตุผลเพียงแค่เราเริ่มไอเบาๆ เค้าก็จะมีท่าทางเบาลงและเข้ามาคุยกันด้วยเหตุผลซึ่งนั้นทำให้เรายิ่งรักเค้ามากขึ้นไปอีกนั้นเพราะเรารู้ดีกว่าที่เค้ายอมและนิ่งลงนั้นก็เพราะเค้ารักเรามากนั้นเอง

การลงมือทำคือตัวอย่างที่ดี
พวกเรามีแนวคิดที่ว่าหากเราอยากที่จะได้สิ่งใดหรืออยากให้คนรอบตัวเราทำเรื่องดีดีที่เราต้องการ พวกเราก็ต้องทำสิ่งเหล่านั้นให้กับคนรอบข้างๆก่อน และเราก็สอนให้ลูกของเราด้วยการทำสิ่งต่าง ๆให้พวกเค้าเห็นอย่างเช่นอย่างการช่วยเหลือกันทำงานต่างๆภายในบ้าน เพื่อให้เค้ารู้จักการช่วยเหลือกันและพวกเราจะกล่าวขอบคุณทุกครั้งเมื่อมีใครทำอะไรให้เราถึงแม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยอย่างการช่วยหยิบของก็ตามซึ่งนั้นก็ทำให้ลูกๆของเรากลายเป็นคนที่รู้จักทั้งการอาสาที่จะช่วยเหลือคนอื่นๆและมักจะพูดขอบคุณกับคนรอบข้างอยู่เสมอแม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อย

เรียบเรียงโดย สัพเพเหระ