การเตรียมตัวก่อนไปพบแพทย์ที่หลายคนสงสัยว่าทำไมต้องทำ

1017

เรามีข้อมูลที่หลายหลายคนคิดว่าไม่สำคัญแต่จริง ๆ แล้วมันสำคัญมากมากกับตัวคุณและคนรอบรอบข้าง มันเป็นเรื่องง่าย ๆ แต่หลายครั้งเรากลับไม่ให้ความร่วมมือหรือ บอกข้อมูลที่ไม่ตรงไปตรงมาทั้งหมด ใช่แล้วเรากำลังพูดถึง เวลาที่ไปหาหมอในตอนที่เราไม่สบาย คนส่วนใหญ่มักจะบอกข้อมูลไม่ครบ หรือปิดบังอาการไว้ และนั้นเองนำมาซึ่งการวินิจฉัยที่มีโอกาสเกิดข้อผิดพลาดมากกว่าเดิมและบางครั้งก็เกิดผลกระทบร้ายเกินกว่าที่เราคาดเอาไว้ แต่นอกจากการให้ข้อมูลไม่ครบแล้วยังมีอีกหลายปัจจัย ซึ่งเราอาจจะตาดไม่ถึงว่ามันร่วมอยู่ในขั้นตอนการ วินิจฉัยด้วย โดยจากการศึกษาพบว่าสาเหตุนั่นเกิดจากการกระทำผิดๆ ของผู้ป่วย ดังนั้นเมื่อไปพบแพทย์สิ่งสำคัญที่ต้องจำไว้คือคุณต้องตรวจสอบตัวคุณเองก่อนเช่นกัน

พวกเราได้รวบรวมเคล็ดลับที่สามารถช่วยคุณหลีกเลี่ยงความผิดพลาดในการวินิจฉัย และรักษาสุขภาพให้แข็งแรงได้ต่อไปนี้

การทำเล็บก่อนไปพบแพทย์ผิวหนัง

© shutterstock.com
แพทย์ผิวหนังให้การรักษามากกว่า 3,000 โรค ในระหว่างการตรวจร่างกายแพทย์ไม่เพียงแต่ตรวจสอบผิวของคุณ แต่พวกเขายังต้องตรวจสอบเล็บของคุณ สุดท้ายอาจมีการติดเชื้อรา มันจึงเป็นเรื่องสำคัญมากที่แพทย์จะต้องเห็นสภาพเล็บจริงๆของคุณ

เล็บอาจบ่งบอกถึงโรคของอวัยวะอื่น ๆ ในร่างกาย ดังนั้นควรให้ความสนใจตัวเองมากพอ

2. อย่าดื่มสารกระตุ้น หรือ ที่ทำให้เกิดอาการมีน ก่อนวัดค่าคอเลสเตอรอล

© depositphotos.com © depositphotos.com
แม้ว่ามันจะปราศจากคอเลสเตอรอล แต่ก็มีน้ำตาลเป็นจำนวนมากรวมถึงมีคาร์โบไฮเดรตซึ่งอาจทำให้คอเลสเตอรอลในร่างกายเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

ในไม่ช้าระดับคอเลสเตอรอลของคุณจะกลับสู่ปกติ แต่แพทย์อาจได้รับผลลัพธ์ที่ไม่ถูกต้อง

3. ดื่มน้ำมากพอก่อนการตรวจปัสสาวะ

© depositphotos.com
ปัสสาวะของมนุษย์เป็นน้ำ 99% และมีเพียง 1% เป็นกรดแอมโมเนีย ฮอร์โมน เซลล์เม็ดเลือดแดงตาย โปรตีน และสารอื่น ๆ เหล่านี้ใช้ในการวิจัย ถ้าคุณให้ปัสสาวะ 100 มล. สารที่ใช้ในวิจัยมีประมาณ 1 มิลลิลิตรก็เหมาะสำหรับการวิเคราะห์ ดังนั้นดื่มน้ำให้มากขึ้นก่อนการทดสอบ 2-3 ชั่วโมงเพื่อให้แน่ใจว่าคุณมีปัสสาวะเพียงพอ

4. อย่าใช้สารระงับกลิ่นกายก่อนที่จะตรวจโรคมะเร็งเต้านม

© artursfot / easyfotostock / Eastnews
ข้อห้ามในการใช้ที่ระงับกลิ่นกาย เนื่องจากสารเหล่าอาจมีโลหะขนาดเล็ก ทำให้อาจเข้าใจผิดว่าโลหะเหล่านี้เป็นแคลเซียมซึ่งเป็นสัญญาณของการเกิดมะเร็ง ยิ่งไปกว่านั้นผลลัพธ์ไม่เพียงแต่จะผิด แต่มันจะทำให้คุณรู้สึกแย่

5. อย่ากินอาหารสีแดงก่อนเข้ารับการส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่

© shutterstock.com © depositphotos.com
อาหารสีแดงธรรมชาติสามารถทำสีลำไส้ใหญ่ของคุณและส่งผลกระทบต่อผลวินิจฉัย ในบรรดาผลิตภัณฑ์ที่คุณไม่ควรกินอย่างน้อยหนึ่งสัปดาห์ก่อนทำการ colonoscopy เช่น บีทรูท, แครนเบอร์รี่, ลูกอมสีแดง, น้ำตาลแดง, ชะเอมแดง, มะเขือเทศและซอสมะเขือเทศ

ทั้งนี้ก่อนวันการรักษาคุณควรกินอาหารตามแพทย์สั่งเท่านั้น

6. อย่ากินอาหารรสเค็มก่อนวัดความดันโลหิต

© depositphotos.com © depositphotos.com
สมาคมโรคหัวใจอเมริกันแนะนำให้บริโภคเกลือไม่เกิน 2,300 มิลลิกรัมต่อวัน เนื่องจากผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายมีส่วนเพิ่มความดันโลหิต
ดังนั้นก่อนการทดสอบคุณไม่ควรกินอาหารจานด่วน ถั่วหรือผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่มีเกลือจำนวนมาก มิฉะนั้นผลลัพธ์อาจเกิดข้อผิดพลาด

7. ทำไมต้องงดทานอาหารหรือวิตตามินก่อนตรวจเลือด
ก่อนการทดสอบเพื่อผลลัพธ์ที่แม่นยำยิ่งขึ้นเพื่อให้เลือดของคุณมีเวลาในการชำระล้างและไม่ได้รับอิทธิพลจากปัจจัยภายนอกใด ๆ ควรงดอาหาร น้ำ หรือ วิตตามินที่ทานประจำ
โดยคุณสามารถทานมันได้ทันทีหลังจากการทดสอบ แต่ในแต่ละกรณีที่คุณมีสิ่งที่จำเป็นต้องทานประจำจะเป็นการดีกว่าถ้าจะหารือเกี่ยวกับ สิ่งที่คุณทานล่วงหน้ากับผู้เชี่ยวชาญ
8. อย่าเปลี่ยนกำหนดการประจำวันของคุณ

© Lopolo / easyfotostock / Eastnews © shutterstock.com
ร่างกายของเราเป็นระบบที่จดจำการทำงานแบบอัตโนมัติซึ่งต้องใช้ระยะเวลาพอสมควรในการปรับตัวเข้ากับการรักษาแบบใหม่ ตัวอย่างเช่นคนที่ต้องเดินทางเปลี่ยนประเทศที่เวลาแตกต้่งกันมากมากต้องใช้เวลาฟื้นตัวประมาณ 2 วัน หากคุณเข้านอนช้ากว่าปกติหนึ่งชั่วโมงทำให้ร่างกายของคุณเกิดความเครียดซึ่งส่งผลต่อสภาพทั่วไป และดัชนีของร่างกายที่แตกต่างกัน

รวมถึงกระบวนการทางธรรมชาติอื่น ๆ เช่น โภชนาการ การดื่มน้ำ และระดับความเครียด

9. อย่าใช้น้ำมันหล่อลื่น หรือผ้าอนามัยแบบสอดก่อนตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก

© depositphotos.com © wikimedia.org
การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกเป็นหนึ่งในการทดสอบที่สำคัญที่สุดสำหรับผู้หญิง ซึ่งแพทย์แนะนำให้ทำทุก 3 ปี เนื่องจากบริเวณดังกล่าวมีความอ่อนไหวและระคายเคืองต่อปัจจัยภายนอกคุณควรจำกฎต่อไปนี้:

  • อย่าใส่ผ้าอนามัยแบบสอดเป็นเวลา 48 ชั่วโมงก่อนการตรวจ
  • อย่าใช้ครีมและสารหล่อลื่นเป็นเวลา 48 ชั่วโมง
  • อย่าใช้สเปรย์ฆ่าเชื้อเป็นเวลา 48 ชั่วโมง
  • อย่าการล้างช่องคลอดหรือหลับนอนกับคู่เป็นเวลา 72 ชั่วโมงก่อนตรวจ

10. พยายามอย่าใช้สายตาเพ่งมองก่อนเข้าพบจักษุแพทย์

© picture alliance / SvenSimon / EAST NEWS © Barcelona_dreams / easyfotostock / Eastnews
อาการปวดตาอย่างต่อเนื่องสามารถบ่งบอกถึงปัญหาร้ายแรงและต้องการความเอาใจใสเป็นพิเศษ แต่สถานะนี้อาจเกิดขึ้นชั่วคราวเนื่องจากมีการใช้งานอุปกรณ์เป็นเวลานานหลายชั่วโมง จนกระทั่งดวงตาของคุณอาจแย่กว่าที่เป็นจริง
หากคุณต้องไปพบจักษุแพทย์เพื่อรับใบรับรองแพทย์สำหรับทำงาน หรือขับรถไปโรงเรียน  นี่คืออาการที่สามารถช่วยระบุอาการปวดตา หากคุณมีอาการดังนี้ คุณควรเลื่อนการพบแพทย์เพื่อคุณจะได้รับผลลัพธ์ที่ถูกต้อง

  • ความรู้สึกที่คุณไม่สามารถลืมตาได้
  • ดวงตาที่แสบร้อนหรือคัน
  • มองเห็นภาพซ้อนหรือซ้อน
  • ไวต่อแสง
  • อาการปวดหัว

คุณเคยเจอเหตุการณ์เหล่านี้กับตัวคุณเองบ้างไหม? แบ่งปันเคล็ดลับของคุณเกี่ยวกับสิ่งที่ดีที่สุดที่ไม่ควรทำก่อนไปพบแพทย์

ขอบคุณเรื่องราวดีๆจาก brightside — เรียบเรียงโดย สัพเพเหระ