เคล็ดลับสำหรับนักจ่ายตลาดในการเลือกผลิตภัณฑ์ที่สดใหม่

356

คุณน่าจะเคยไปจ่ายตลาดกับเหล่าคุณแม่หรือบางครั้งก็เหล่าเพื่อนผู้รักการทำอาหารมาบ้างแล้ว ซึ่งทุกอย่างมันดูง่ายดายเสียนี้กระไรเพราะไม่ว่าพวกเค้าเหล่านั้นจะหยิบจับหรือเลือกสันสิ่งต่างๆ กลับมาสิ่งของเหล่านั้นมันก็ช่างดูสดใหม่หรือดูดีและได้ราคาถูกกว่าที่เราไปเลือกเองอย่างเห็นได้ชัด ไม่ใช่ว่าคนเหล่านั้นรู้จักร้านค้าหรือแค่บังเอิญโชคดีหรอกนะ แต่อันที่จริงแล้วทั้งคุณแม่บ้านและเพื่อนของเราต่างก็เคยผ่านช่วงเวลาเริ่มต้นเหมือนกับเรานี้แหละ ในการเลือกซื้อสิ่งต่างๆ โดยวันเวลาได้หล่อหลอมเค้าเหล่านั้นทำให้เกิดประสบการณ์ที่เราไม่มียังไงละ และนั้นเองที่เป็นที่มาของการเลือกซื้อสิ่งของต่าง. ๆได้อย่างชาญฉลาดและหากเพื่อนเพื่อนอยากที่จะทำได้แบบนั้นบาง มันก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน

โดยวันนี้พวกเราชาวสัพเพเหระก็เลยยกเอาเรื่องราวเคล็ดลับในการเลือกซื้อสิ่งของต่าง ๆ เพื่อให้ได้ของสดใหม่และยังทำให้เราเก็บสิ่งเหล่านั้นไว้ใช้ได้นานๆอีกด้วยนะ

อย่างแรกเลยนั้นก็คือไข่สดยังไงละ

เป็นเรื่องง่ายถ้าเราสามารถตอกไข่ออกมาดูได้ว่าใบไหนสดกว่ากัน โดยเมื่อคุณตอกไข่แล้วให้ ดูที่ไข่แดงได้เลย หากมันอยู่ตรงกลางและมีวงกลมสีขาวใสอยู่รอบๆ อีกทั้งมันยังแสดงความกลมเด้งอยู่นั้นแสดงว่าไข่ในนี้สด แต่ในชีวิตจริงเราลงไปนั่งตอกแบบนั้นที่ร้านไม่ได้หรอกจริงไหมละดังนั้นคำแนะนำง่าย ๆในการสังเกตุนั้นก็คือ สังเกตได้ที่เปลือกไข่ หากเป็นไข่สด จะมีลักษณะเหมือนมีผงแป้งติดอยู่ เวลาจับแล้วจะสากมือ ไม่ลื่น และมันจะรู้สึกหนักเวลาที่ถือเหมือนเราถือลูกบอลที่มีความหนาแน่นยังไงละ และถ้าคุณรู้สึกเหมือนถือลูกบอลลมละก็มันอาจจะเป็นเพราะนั้นคือไข่ที่อยู่มานานแล้ว อีกวิธีหนึ่งในแยกไข่ที่เราซื้อมาแล้วว่าใบไหนเก่าหรือใหม่ก็กันก็สามารถนำไปลอยในน้ำได้ ใบสดใหม่จะจมมากกว่าเพราะอากาศยังไม่ได้เข้าไปยังไงละ

ลองมาดูการเลือกผลไม้อย่างอะโวคาโดกันบ้าง เคล็ดลับนั้นก็คือก้านยังไงละ
© Pexels.com
สังเกตก้านที่ติดอยู่ที่ปลายของลูกนั้นเอง ของที่สุกพร้อมจะทานได้แล้วนั้นก้านที่ปลายนี้จะแห้งและหลุดได้ง่าย แต่ถ้าเพื่อนขยับแล้วมันจะแน่นเหนียวอยู่ละก็เราแนะนำให้วางไว้อุณหภูมิห้องอีกสักหน่อยแล้วค่อยทานนะ

การเลือกซื้อฟักทองที่ดีให้ฟังดูที่เสียงเคาะมันแน่นๆ

© Depositphotos.сom
ด้วยเหตุผลที่ว่าความอ่อนของฟังทองนั้นจะขึ้นอยู่กับอายุนั้นเอง ดังนั้นเนื้อที่นังไม่ดีพอจะให้เสียงเปาะๆ แสดงว่ามันยังอ่อนอยู่และถ้าเคาะแล้วเสียงดังตึบๆ ก็แสดงว่าเนื้อแน่นพร้อมที่จะนำไปทำอาหารทานได้แล้วนั้นเอง หรือถ้าเพื่อนเพื่อนสามารถกดที่ตัวฟักทองดูถ้านิ่มเกินไปก็แสดงว่ามันยังอ่อนอยู่เพรามันยังมียางและน้ำจำนวนมากนั้นเอง

หลายคนคิดว่าโยเกิร์ตที่กลายเป็นชั้นนั้นแสดงว่ามันควรทิ้งไปแต่อันที่จริง

© Depositphotos.сom
นั้นเพราะการเก็บรักษาของเรานั้นเอง บางครั้งอากาศที่เข้าไปได้ในบรรจุภัณฑ์ก็ทำให้เกิดการแยกส่วนและด้านบนเป็นชั่นหนาขึ้นเท่านั้น แต่อันที่จริงแล้วมันยังสามารถทานได้โดยคุณเพียงแค่คนให้เข้ากันอีกครั้งก่อนทานเท่านั้นเอง

การเลือกเนื้อปลาควรจะเลือกที่เนื้อแน่นๆ

© Depositphotos.сom
หลายคนให้สังเกตุควาสดใหม่ของปลาที่ตา และเหงื่อกซึ่งนั้นก็ถูกต้องแล้วเพราะส่วนนี้ถ้าผ่านระยะเวลาไปนานมันก็จะมีสีตาที่ขุ่นและเหงื่อกที่ไม่สดนั้นเองแต่อีกอย่างที่เราอยากให้เพื่อนลองสัมผัสนั้นก็คือความแน่นของเนื้อปลานั้นเองเพราะบางครั้งการแช่แข็งก็ทำให้สีตาไม่เปลี่ยนแต่เนื้อนั้นได้รับผลทำให้นำมาทานอาหารไม่อร่อยแล้วนะ

การทดสอบน้ำมันมะพร้าวว่ามีน้ำมันอื่นปนมาหรือไม

© Depositphotos.сom
ขั้นตอนง่ายๆเลยเพียงแค่นำไปแช่ตู่เย็นสัก 30 นาทีเท่านั้นน้ำมันมะพร้าวมีจุดเยือกแข็งที่ค่อนข้างต่ำดังนั้นมันจะจับตัวกันกลายเป็นก้อนอย่างเห็นได้ชัดและน้ำมันอื่นๆ ก็จะแสดงตัวออกมานั้นเอง

การเลือกหัวหอมที่ดีคือหัวหอมที่ไม่มีความชื่นมากเกินไป


© Depositphotos.сom
ต้องบอกว่าหัวหอมทั้งหอมใหญ่หรือหอมแดงนั้นมีความสามารถในการเติบโตได้ดีมากๆดังนั้นจึงควรเก็บไว้ในที่แห้ง ไม่ชื้นดังนั้นเวลาที่เพื่อนเพื่อนไปเลือกซื้อก็ง่ายมากแค่เลือกที่เปลือกไม่มีรอยดำและสัมผัสดูหากรู้สึกชื้นๆก็วางไว้แล้วไปหาร้านอื่นได้เลยจ้า

จะดีกว่าถ้าเลือกมะนาวสีเหลืองแค่ดูก็รู้แล้ว

© Depositphotos.сom
ก็แค่เลือกลูกที่ไม่แข็งเกินไปเวลาที่เรากดเพราะนั้นแสดงว่ามันยังไม่สุกดีนั้นเอง และดูที่ความมันวาวของสีเหลืองถ้าเริ่มแห้งก็แสดงว่ามันเก่าแล้วนั้นเอง

แนะนำการเลือกซื้อเมล็ดกาแฟ
© Depositphotos.сom
ต้องบอกว่าการเลือกเมล็ดที่คั่วสดใหม่ก็จะยิ่งทำให้กาแฟของคุณหอมกลมกล่อมและหากเป็นไปได้ละก็คุณไม่ควรในร้านบดกาแฟทั้งหมดหากคุณคิดว่าจะทานมันไม่หมดในเวลาอันสั้น เพราะกาแฟที่บดแล้วกับยังไม่บดนั้นเก็บแตกต่างกันมา ซึ่งหากคุณสามารถบดมันเองที่บ้านได้ก็จะเป็นทางเลือกที่ดีอย่างยิ่ง แต่หากไม่สามารถทำได้ก็ควรแบ่งเมล็ดกาแฟเเป็นส่วนๆ แล้วให้ทางร้านบดให้พอได้ในช่วง 1 – 2 สัปดาห์เพื่อคงรสและกลิ่นของเมล็ดกาแฟนั้นๆ

สิ่งเหล่านี้เพื่อนเพื่อนสามารถนำไปใช้ได้เลยและบางอย่างถ้าคุณมีเรื่องราวเพิ่มเติมก็สามารถส่งมาให้เราได้อีกนะเพื่อบอกต่อคนอื่นๆ ยังไงละ
ขอบคุณเรื่องราวดีๆจาก brightside — เรียบเรียงโดย สัพเพเหระ