7 เรื่องเล่าของมนุษย์ออฟฟิศที่ส่งถึงเพื่อนที่กำลังเพิ่งเริ่มทำงาน

11446

ชาวสัพเพเหระทั้งหลายที่กำลังอยู่ในวัยทำงานหรือกำลังจะเริ่มเข้าไปทำงานเป็นครั้งแรกหรืออาจจะเป็นใครหลายหลายคนที่อาจจะเคยผ่านการทำงานมาแล้วหลายที่ต่างก็มาถามพวกเราเกี่ยวกับเคล็ดลับบางสิ่งบางอย่างที่พวกเค้าจะสามารถเอาไปใช้ในการทำงานได้เพื่อทำให้ตัวเองนั้นก้าวหน้าหรือนอกเหนือจากการทำงานในหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่แล้วว่ายังมีอย่างอื่นอีกบ้างหรือเปล่าที่ยังสามารถทำได้ เพราะแน่นอนว่ามันไม่มีอะไรที่เป็นการบงบอกเลยจากการที่เราเรียนจบมาเพื่อใช้สิ่งต่าางๆ นอกจากวิชาความรู้พื้นฐานและแน่นอนว่าไม่มีพนักงานใหม่คนไหนหรอกที่บริษัทจะส่งคนมาฝึกสอนหรือบอกถึงเรื่องราวต่างๆภายในบริษัท ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นกับเราและอีกหลายหลายคนเวลาที่ย้ายที่ทำงานหรือเริ่มงานในที่ใหม่ๆนั้นก็คือเราต้องเตรียมตัวให้พร้อมกับประสบการณ์การลองผิดลองถูกนั้นเอง เพราะใครจะก็บอกไม่ได้หรอกว่าสิ่งที่คุณเคยทำผ่านมานั้นมันเหมือนกับสิ่งที่คุณกำลังจะต้องทำต่อไปหรือไม่

แต่เราชาวสัพเพเหระก็ยังมีเคล็ดลับเล็กๆน้อยๆที่อยากจะเอามาบอกให้เพื่อนเพื่อนของเราได้ลองอ่านและไปปรับใช้กันดูตามสถานะการณ์ต่าง ๆ ซึ่งมันอาจจะดีกว่าที่เราได้เคยเตรียมตัวหรือฟังเรื่องราวเหลานี้มาบ้างเพราะการที่เราไม่มีหรือไม่รู้อะไรหรือไม่มีการเตรียมตัวมาก่อนมันก็ทำให้เราสามารถทำบางสิ่งบางอย่างผิดพลาดไปได้ง่ายๆเลยละ

สิ่งแรกเลยเวลาที่มีข้อเสนอที่ฟังดูดีจากบริษัทเราอยากจะให้เพื่อนเพื่อนลองฟังอย่างตั้งใจ และอย่าเพ่งเร่งรีบที่จะรับข้อเสนอเหล่านั้น
ที่เราแนะนำแบบนี้เพราะว่าไม่มีอะไรได้มาแบบเปล่าๆหรอกนะ อย่างการที่บริษัทจะทำการขึ้นค่าแรงหรือการเลื่อนตำแหน่งให้ใครสักคนแล้วละก็มันมักจะมาพร้อมกับความรับผิดชอบเพิ่มเติมจากที่คุณเคยทำอยู่แล้วอีกด้วยดังนั้นที่เราบอกให้คุณชลอการตอบรับก็เพื่อที่ว่าคุณจะได้ถามคำถามบางอย่างเพิ่มและขอข้อมูลอื่นๆอย่างเช่นความคาดหวังที่ต้องการจากการเพิ่มเงินเดือนครั้งนี้ หรือทักษะของหน้าที่ใหม่ที่ได้เสนอมานั้นเราเองมีพร้อมหรือยังขาดส่วนไหนอีกบ้างหรือเปล่าอีกทั้งการที่เราสามารถใช้เวลาก่อนการตอบรับเพื่อกลับไปต่อรองสิ่งต่างๆเพิ่มได้อีกอย่างเช่น คุณอาจจะกำลังมองหาหรือได้งานที่มีผลตอบแทนใกล้เคียงกันก็สามารถตัดสินใจเลือกสิ่งที่เหมาะสมได้ หรือหากคุณคิดว่าหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายใหม่นั้นเป็นสิ่งที่คุณไม่เคยทำมาก่อนก็ยังสามารถขอผู้ช่วยหรืออาจจะขยับเวลาเพื่อเรียนรู้งานต่าง ๆได้อีกด้วยนั้นเอง

ซึ่งหากคุณมีเวลาคิดอย่างเพียงพอและทบทวนถึงสิ่งที่ได้มานั้นคือสิ่งตอบแทนเทียบกับเวลาและความรับผิดชอบต่างๆที่คุณจะต้องมีเพิ่มเข้าไปแล้วบางครั้งมันอาจจะกลายเป็นว่าคุณปฎิเสธโอกาสนั้นไปมันยังจะดีกับตัวคุณเองซะมากกว่าเพราะความสุขของแต่ละคนและเป้าหมายของแต่ละคนก็แตกต่างกันดังนั้นสิ่งตอบแทนที่เราอยากจะได้ก็ไม่เหมือนกันการคิดอย่างรอบครอบจึงเป็นสิ่งที่เราอยากแนะนำให้เพื่อนเพื่อนได้ลองทำก่อนที่จะตอบรับข้อเสนอหรือโอกาสใหม่ๆที่เข้ามานั้นเอง

ทราบไว้เป็นแนวทางอย่างหนึ่งเลยว่าถึงแม้ว่าคุณจะเก่งที่สุดในทีมแต่การเลื่อนตำแหน่งในทันทีหรือปีแรกก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย
@Parks and Recreation
ผลการทำงานถือเป็นตัวชี้วัดหรือเป็นสิ่งที่ใช้ในการประเมินในตอนสิ้นปีก็จริงแต่ว่าการที่คุณเข้ามา ทำงานที่ใหม่ในปีแรกนั้นถึงแม้ว่าจะทำงานที่ได้รับมอบหมายได้ดีมากมากแต่นั้นก็ไม่ใช่ตัวบ่งชี้ว่าสิ้นปีคุณจะได้ขึ้นตำแหน่งนั้นเป็นเพราะว่าในช่วงต้นของการเริ่มงานไม่ว่าที่ไหนก็แล้วแต่ทีมงานหรือหัวหน้าจะค่อยๆให้งานที่เหมาะสมกับเราโดยเริ่มจากสิ่งที่ทีมคิดว่าง่ายท่ีจะเรียนรู้นั้นเองและอีกสิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับเลยว่าก่อนหน้าที่เราจะเข้ามานั้นทีมงานก็ยอมที่จะต้องมีคนที่สร้างผลงานที่กำลังรอที่จะขึ้นตำแหน่งอยู่นั้นเองดังนั้นดังนั้นสิ่งที่เราทำได้ก็คือเตรียมตัวให้พร้อมและเก็บเกี่ยวประสบการณ์และเรื่องราวต่างๆ ที่จะทำให้เราพร้อมสำหรับการรับข้อเสนอใหม่ๆที่เหมาะสมกับเวลานั้นเอง

ฝ่ายไอทีสามารถเก็บข้อมูลการใช้งานบนระบบต่างๆของออฟฟิศได้มากกว่าที่หลายหลายคนคิด
© Mr. Robot / USA TV Network
คงไม่มีใครปฎิเสธว่าปัจจุบันนั้นการทำงานที่ออฟฟิศนั้นสะดวกสบายขึ้นมากไม่ว่าจะเป็นการนัดประชุมหรือส่งเอกสารขออนุมัติต่างๆ ก็สามารถทำผ่านระบบไอทีได้ทั้งหมดอีกทั้งเรายังสามารถค้นหาข้อมูลต่างๆ ผ่านระบบอินเตอร์เน็ตที่มีความเร็วสูงของออฟฟิศ แต่นอกจากความสะดวกสบายที่เราได้รับมานั้นอีกสิ่งหนึ่งที่ยิ่งสะดวกขึ้นไปอีกก็คือการติดตามเก็บข้อมูลการใช้งานต่าง ๆของเราบนระบบของออฟฟิศนั้นก็สามารถทำได้อย่างง่ายได้มากมากเช่นกัน เพราะไม่ว่าคุณจะใช้งานคอมพิวเตอร์ของออฟฟิศทำอะไรก็แล้วแต่หากทางบริษัทต้องการจะเก็บข้อมูลเหล่านั้นแล้วละก็มันก็สามารถทำได้อย่างสบายเลย และหากคุณคิดว่าทางเลือกของการใช้อุปกรณ์อื่นๆเช่นโทรศัพท์หรือแท็บเล็ตส่วนตัวจะทำให้คุณมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้นเราก็ขอเสริมอีกสักหน่อยว่าถ้าคุณยังใช้ระบบ WIFI ของออฟฟิศแล้วละก็มันก็ไม่ต่างอะไรกันเลยเพราะทีมไอทีนั้นสามารถเก็บข้อมูลการใช้งานจากWIFIที่คุณใช้อยู่นั้นแหละ ดังนั้นถ้าคุณต้องการเก็บเรื่องส่วนตัวให้ห่างจากออฟฟิศแล้วละก็เราขอแนะนำให้แยกการใช้งานอุปกรณืต่างๆของออฟฟิศเพื่อทำงานเท่านั้นรับรองว่าทีม ไอทีที่เก่งขนาดไหนก็เข้ามาตรวจสอบข้อมูลของคุณไม่ได้แล้ว

ไม่ว่าใครจะพูดถึงเรื่องผลงานหรือความสามารถขนาดไหนก็ตามสุดท้ายแล้วพวกเราก็ยังมีคนที่สนิทและคนที่เรามักจะเห็นดีเห็นงามด้วยเสมอ
© Blackish / ABC
คุณอาจจะเคยได้ยินคำพูดสวยหรูอย่างที่เจ้านายหลายหลายคนบอกว่า “ที่นี่เราอยูกันอย่างพี่น้อง” หรือ  “ที่นี่เราให้ความสำคัญกับความสามารถมากกว่าความสนิทสนม” แต่ท้ายที่สุดแล้วในการทำงานและในชีวิตจริงที่เราพบก็คือไม่ว่าที่ไหนๆก็ล้วนใช้อารมณ์และความรู้สึกในตอนทำงาน ดังนั้นสิ่งที่ดีและคำแนะนำที่ดีที่สุดที่เราบอกเพื่อนเพื่อนได้ก็คือจงสร้างมิตรให้มากและคุณสามารถแสดงความสามารถได้แต่อย่าพยายามแสดงความเด่นดังเพราะใครจะรู้ละว่ามันอาจจะไม่ถูกใจใครเมื่อไหร่ก็ได้

การตรงต่อเวลาหมายถึง การมาถึงก่อนเวลา 15 นาที
© Disney Company
สิ่งที่สำคัญมากมากสำหรับคนทำงานนั้นก็คือเรื่องของเวลานั้นเองเพราะหากคุณนัดใครสักคนเพื่อคุยงานหรือคุญธุระแล้วละก็นั้นหมายถึงการที่คุณกำลังไปขอใช้เวลาอันมีค่าของคนเหล่านั้น และเราก็ไม่มีทางรู้เลยละว่าผู้คนเหล่านั้นห่วงแหนเวลาของเค้ามากขนาดไหนดังนั้น เวลาที่เรามีนัดหรือทำอะไรก็ตามที่มีเรื่องของเวลามาเกี่ยวข้องนั้นการที่เรามาถึงพอดีกับเวลานั้นไม่ได้หมายความว่าคุณมาตรงเวลา ซึ่งสิ่งที่เราอยากจะแนะนำคุณเก่ียวกับเรื่องของเวลานั้นก็คือการมาถึงที่ทำงานของคุณหรือที่นัดหมายต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการนัดคุยหรือนัดประชุมใดๆก็แล้วแต่ควรไปถึงก่อนเวลา สัก 15 นาทีเพราะนั้นจะทำให้คุณมีเวลาจัดระเบียบตัวเอง และคุณยังอาจจะเตรียมสิ่งต่าง ๆ หรือซ้อมการรายงานไปถึงตรวจสอบคอมพิวเตอร์ของคุณให้พร้อมใช้งานได้ไม่เพียงแค่นั้น การที่เรามีความพร้อมนั้นจะทำให้คุณรู้สึกสบายใจและทำให้เรื่องที่จะต้องคุยในวันนั้นทำได้อย่างสบายใจอีกด้วย แต่ก็ไม่ควรไปเร็วกว่ากำหนดเป็นชั่วโมงๆนะเพราะบางครั้งผู้นัดเองก็อาจจะไม่สะดวกที่จะต้อนรับเราก็เป็นไปได้สรุปคือ 10-15นาทีเป็นช่วงเวลาที่เราแนะนำให้คุณไปให้ถึงที่นัดหมายนั้นเอง

ทุกที่ล้วนมีปัญหาและการที่ออฟฟิศต้องมีพนักงานหรือต้องมีเราก็เพื่อที่จะแก้ปัญหาเหล่านั้น
ดังนั้นยเวลาที่คุณกำลังเจอเข้ากับปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นหนทางที่เราอยากจะแนะนำคุณก็คือเวลาที่ได้รับแจ้งหรือรับทราบถึงปัญหาต่าง ๆ สิ่งแรกที่ควรทำก่อนที่จะบอกใครต่อใครถึงปัญหาเหล่านี้ไม่ใช้ถามหาหน้าที่หรือถามหาใครที่จะมาแก้ปัญหาเหล่านั้นแต่สิ่งที่เราอยากให้เพื่อนเพื่อนทำก็คือรวมรวบข้อมูลของปัญหาเหล่านั้นและคิดอย่างเป็นลำดับก่อนว่าเราสามารถแก้ไขปัญหาเหล่านั้นได้ด้วยตัวเองหรือเปล่า หากไม่สามารถทำได้เราพอจะทราบไหมว่าใครหรือแผนกไหนที่มีแนวโน้มที่จะช่วยในการแก้ไขสิ่งเหล่านั้นได้ แล้วจึงเข้าไปปรึกษากับหัวหน้าหรือคนในทีมของเราเพราะสิ่งที่บริษัทต้องการก็คือการแก้ไขเรื่องราวต่าง ๆ ดังนั้นสิ่งที่เราทำก็คือการสรุปเรื่องราวและแนวทางที่เราคิดได้เพื่อที่จะเป็นอีกหนึ่งความคิดหรือหนึ่งแรงในการแก้ไขเรื่องราวต่าง ๆเหล่านั้นนั้นเองและถึงแม้ว่าคำแนะนำของคุณอาจจะไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องหรือเหมาะสม แต่อย่างน้อยที่สุดคุณก็ได้เตรียมตัวที่จะทำอะไรสักอย่างเพื่อช่วยให้เราผ่านเรื่องราวเหล่านั้นไปได้นั้นเอง

การบอกถึงข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นคือสิ่งที่ควรทำ
© The CW Network
สิ่งที่ต้องเกิดขึ้นกับคนทำงานทุกคนนั้นก็คือเราสามารถทำสิ่งผิดพลาดในงานของเราได้เสมอ และนั้นก็หมายความว่าคุณเองก็ไม่มีข้อยกเว้น แต่สิ่งที่พวกเราทำเมื่อทำความผิดพลาดต่างหากที่พวกเราทำแตกต่างกันบางคนเลือกที่จะปกปิดบางคนเลือกที่จะอธิบายแบบอ้อมและอีหลายคนมากมากที่พยายามเลี่ยงหรือโยนความผิดไปให้ผู้อื่นแต่สิ่งที่ดีที่สุดที่พวกเราอยากจะสนับสนุนให้คุณทำก็คือการเตรียมเรื่องราวต่างๆและผลที่เกิดขึ้นรวมถึงสิ่งที่คุณสามารถแก้ไขได้ให้เร็วที่สุดและนำสิ่งนี้ไปบอกกับหัวหน้าของคุณอย่างตรงไปตรงมาเพราะสุดท้ายแล้วไม่ว่าคุณจะทำอะไรเพื่อปกปิดมันคนอื่นๆก็จะต้องรู้อยู่ดีและมันอาจจะยิ่งมีผลเสียอื่นๆที่ตามมาอีกหากเราเองแก้ปัญหาไม่ตรงจุดดังนั้นการบอกสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างตรงไปตรงมากับคนที่มีอำนาจมากกว่าจะช่วยทำให้ปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นเล็กลงและแก้ไขได้เร็วขึ้นนั้นเอง

เรื่องราวเหล่านี้เพื่อนเพื่อนอาจจะไม่พบเจอมันในการเรียนจากในชั้นเรื่องเพราะมันคือสิ่งที่ได้จากห้องเรียนที่เกิดขึ้นจากการทำงานจริงในชีวิตของคนทำงานที่เพื่อนเพื่อนของเราได้นำมาบอกต่อต่อเพื่อว่ามันจะช่วยให้อีกหลายหลายคนได้ทำงานและผ่านการทำงานใหม่ไปได้อย่างสะดวกขึ้นอีกสักนิดก็ยังดี
เรียบเรียงโดย สัพเพเหระ